สมุนไพรใกล้ตัว

อาหารทดแทนสูตรต่างๆของเรา ประกอบด้วยวัตถุดิบสำคัญ 4 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มที่ 1 ธัญพืชสำคัญ 7 ชนิดที่ใช้สร้างภาวะสมดุลให้กับร่างกาย เพื่อฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรง
25032204

– ถั่วเหลือง ใช้ป้องกันภาวะกระดูกพรุน หลอดเลือดแข็งตัวและตีบตัน มะเร็งเต้านม และมะเร็งชนิดอื่นๆ ช่วยเพิ่มไขมันตัวที่ดี (HDL) และลดไขมันตัวที่เลว (LDL) ลดไขมันคอเลสเตอร์รอล ป้องกันนิ่วในถุงน้ำดี และเส้นใยของถั่วเหลืองยังมีคุณสมบัติลดน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ได้ดีอีกด้วย
– งาดำ มีประโยชน์มากมายโดยสรรพคุณของงดำมีกรดอะมิโนจำเป็นชื่อ “เมทไธโอนีน” ที่สามารถป้องกันไขมันเกาะตับและลดอาการซึมเศร้า และยังประกอบด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัวทั้งกรดไขมัน โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ซึ่งมีคุณสมบัติลดไขมันคอเลสเตอร์รอล และ LDL จึงช่วยไม่ให้หลอดเลือด แดงแข็งตัว ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ป้องกันกระดูกพรุน ช่วยให้ นอนหลับดี และใช้เป็นอาหารต้านโรคมะเร็งได้ดี
– จมูกข้าวสาลี เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชรา ป้องกันโรคแห่งความเสื่อม ป้องกันหลอดเลือดแดงทั้งในสมองและหัวใจไม่ให้แข็งตัวและตีบตัน รักษาสมดุลในลำไส้ใหญ่ สังกะสีในจมูกข้าวสาลีช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากโต และป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก
– ข้าวโพด มีประโยชน์ในการล้างพิษ ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ป้องกันไม่ให้ดวงตาเสื่อมสภาพเร็ว คนในสมัยโบราณกินข้าวโพดเป็นโอสถเพื่อใช้บำรุงร่างกาย หัวใจ ปอด และช่วยขับปัสสาวะอย่างอ่อนๆ
– ข้าวฟ่าง มีโปรตีนใกล้เคียงกับถั่วเหลือง ข้าวฟ่างมีแร่ธาตุมากมาย อาทิเช่น แมกนีเซี่ยม โปแตสเซี่ยม และวิตามินบี3 ข้าวฟ่างช่วยให้อาหารย่อยง่าย เสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย และใช้ป้องกันโรคภูมิแพ้
– ข้าวกล้อง บรรเทาอาการอ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ บำรุงสมอง ป้องกันเหน็บชา ป้องกันตะคริว ปากนกกระจอก
– ลูกเดือย มีฟอสฟอรัสในปริมาณสูงจึงช่วยบำรุงกระดูก มีวิตามินเอที่ช่วยเรื่องสายตา มีวิตามินบี1 ช่วยเรื่องเหน็บชา เป็นอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกายได้ดีมีสรรพคุณใช้บำรุงกำลัง คุณค่าทางยาของลูกเดือยใช้ชงเป็นยาเย็นช่วยขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน บำรุงไต กระเพาะอาหาร ม้าม รวมทั้งบำรุงเลือดลมในสตรีหลังคลอด รักษาอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง ช่วยหล่อลื่นในกระเพาะอาหาร ลำไส้ แก้บวมน้ำ ปวดข้อเรื้อรัง และแก้ร้อนใน

กลุ่มที่ 2 กรดอะมิโนจำเป็น(Essential Amino Acids) 9 ชนิด

เพื่อเป็นวัตถุดิบให้ตับสร้างโปรตีนให้กับร่างกายนำไปใช้บำบัดปัญหาสุขภาพทั้งปวง ดังนี้

– Isoleusine(ไอโซ่ลิวซีน) เสริมสร้างการเจริญเติบโต สนับสนุนการทำงานของระบบประสาท ทำให้หลอดเลือดขยายตัวง่าย ช่วยให้ตับขับสารพิษได้ดี
– Leucine(ลิวซีน) ช่วยบำรุงตับ
– Lysine(ไลซีน) เสริมสร้างการเจริญเติบโต เสริมสร้างภูมิต้านทาน ป้องกันและรักษาโรคที่เกี่ยวกับเชื้อไวรัส
– Methionine(เมทไธโอนีน) ป้องกันการสะสมไขมันในตับ (ไขมันเกาะตับ) ป้องกันอาการซึมเศร้า
– Phenylalanine(เฟนนิลลาลานีน) ควบคุมการทำงานเซลล์เม็ดสีและผิวหนัง เป็นสารช่วยถ่ายทอดข้อมูลจากสมองและไขสันหลัง สู่ระบบประสาทได้อย่างสมบูรณ์
– Threonine(ธรีโอนีน) เสริมสร้างการเจริญเติบโต ป้องกันไขมันเกาะตับ
– Tryptopan(ทริปโตแฟน) ช่วยสร้างสารสื่อประสาท และวิตามินบี3 และช่วยให้หลับบาย
– Valine(แวลีน) เสริมสร้างการเจริญเติบโต รักษาสมดุลไนโตรเจนในเลือด
– Histidine(ฮีสตีดีน) จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็ก ช่วยการทำงานของระบบประสาท

25032225

กลุ่มที่ 3 L-carnitine(แอล-คาร์นีทีน)

เป็นกรดอะมิโนกลุ่มที่ร่ายกายสร้างได้เอง (non Essential Amino Acid) ทำหน้าที่เปลี่ยนไขมันเป็นพลังงานให้กับกล้ามเนื้อลาย กล้ามเนื้อหัวใจและสมองได้อย่างสม่ำเสมอ มีสรรพคุณที่น่าสนใจ ดังนี้

– ทำให้แก่ช้าลงด้วยเหตุผลที่ L-Carnitine ช่วยให้เซลล์ทั่วร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียงพอและเหมาะสมตลอดเวลา จึงทำให้เซลล์มีอายุยืนนานได้มากกว่าเดิม
– ช่วยควบคุมระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ให้ปกติ และช่วยเพิ่มไขมันตัวที่ดี (HDL)
– ช่วยป้องกันโรคหัวใจโดยทำให้สุขภาพโดยรวมของหัวใจดีขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวในผู้ป่วยโรคหัวใจด้วย
– ช่วยลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะใช้ร่วมกับการควบคุมการทานแป้ง น้ำตาล ไขมัน
– ช่วยเพิ่มระดับพลังงานของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยที่ไม่ทำให้สุขภาพทรุดโทรม
– ช่วยให้ออกกำลังกายได้มากขึ้นและนานขึ้นโดยไม่เหนื่อยง่าย เนื่องจากกล้ามเนื้อมีความแข็งแรงมากขึ้น
– ทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงมากกว่าเดิม ช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้ชัดเจน
– ช่วยลดความเสื่อมและความเสียหายของเซลล์ประสาท ทำให้การทำงานของสมองดีขึ้น สามารถใช้ความคิดได้คล่องแคล่วมากกว่าเดิม รวมทั้งช่วยความทรงจำให้ดีขึ้นอีกด้วย L-Carnitine มีผลต่อสุขภาพจิตในเชิงบวก ทำให้เกิดการผ่อนคลาย และใช้ลดความเครียดได้ดี
– ช่วยให้ตับทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมในทางที่ดี

กลุ่มที่ 4 Taurine (ทอรีน)เป็นกรดอะมิโนกลุ่มที่ร่างกายสร้างได้เอง (non Essential Amino secret-book-iconAcid)

มีบทบาทในการบำบัดเชิงลึก ทำให้การรักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ที่กระทบต่อการทำงานของสารพันธุกรรม (Gene) ประสบความสำเร็จมากขึ้นโดยทำงานร่วมกับโปรตีนสมบูรณ์อื่นๆที่ร่างกายสร้างขึ้น Taurine มีคุณสมบัติที่น่าสนใจ ดังนี้

– ช่วยการทำงานของเรติน่าในดวงตาสามารถรับแสงได้ดีขึ้น
– ช่วยปรุงสัดส่วนของน้ำดี (น้ำย่อยจากตับ) ให้มีคุณภาพดีอยู่เสมอ
– ช่วยให้เม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น
– ช่วยลดการอักเสบ หรือถูกทำลายจากอนุมูลอิสระในเซลล์ปอด
– ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาท
– ควบคุมระดับน้ำในเซลล์สมองให้เป็นปกติ
– ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
– เพิ่มความแข็งแรงของเซลล์อสุจิ
– เพิ่มคุณภาพของฮอร์โมนอินซูลินให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
– ส่งเสริมการเจริญเติบโตในเด็ก
– ช่วยการแบ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
– มีผลดีต่อการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ การต้นของหัวใจ และช่วยลดความดันโลหิต เป็นต้น

หมายเหตุ: ในมนุษย์การขาดทอรีนเกิดขึ้นได้ยาก แต่ถ้าทอรีนมีปริมาณน้อยเกินไปซึ่งโดยมากจะเกิดจากการเจ็บป่วย อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ เป็นอุปสรรคต่อการบำบัดรักษาและการฟื้นฟูสุขภาพให้กลับมาแข็งแรง

หลากสรรพคุณ… 20 สมุนไพรไทยที่ใคร ๆ ก็รู้จัก

เรียบเรียงข้อมูลโดย “คลับสุขภาพหุ่นสวย”
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก gpo.or.th , สสส. , กรมวิชาการเกษตร , โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

กับอาการเล็กๆ น้อยๆ อย่างปวดศีรษะ ปวดท้อง เจ็บคอ ไอ น้ำร้อนลวก มดกัด ยุงกัด ท้องเสีย ท้องอืด ฯลฯ หลายคนมักจะเลือกใช้ยาแผนปัจจุบัน โดยคิดว่าเป็นวิธีที่รวดเร็วทันใจดี แต่ลองชะเง้อมองซิว่า รอบ ๆ บ้านมีพืชสมุนไพรไทยอะไรปลูกอยู่หรือเปล่า เพราะพืชสมุนไพรเหล่านี้สามารถนำมาใช้รักษาอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ได้ผลชะงัดนักแล แถมบางชนิดยังสามารถรักษาโรคยอดฮิต อย่าง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็งได้ด้วย
วันนี้ ชมรมสุขภาพดี ก็เลยขอหยิบสมุนไพรไทย 20 ชนิด ที่คนรู้จักดี มาบอกเล่าเก้าสิบถึงสรรพคุณของมันให้ฟังกันอีกครั้ง

ว่านหางจระเข้
25031809

ไม้ล้มลุกใบใหญ่หนาที่ทุกคนรู้จักกันดี แม้ถิ่นกำเนิดจะอยู่ไกลถึงฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน และแอฟริกา แต่ในประเทศไทยก็มีการปลูกว่านหางจระเข้อย่างแพร่หลาย ซึ่งในตำรับยาไทยก็ใช้ว่านหางจระเข้บำบัดอาการต่าง ๆ ได้มากมาย จนเป็นที่รู้จักว่า เป็นพืชอัศจรรย์ที่มีสรรพคุณสารพัดประโยชน์

“วุ้นในใบสด” สามารถนำมาบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ แต่สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคนน่าจะรู้จักก็คือ นำมาพอกแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ แก้ปวดแสบปวดร้อน แผลเรื้อรัง รักษาผิวที่ถูกแดดเผา แผลในกระเพาะอาหาร และช่วยถอนพิษได้ เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยสมานแผล แต่มีข้อแนะนำว่า ก่อนใช้ควรทดสอบดูก่อนว่าแพ้หรือไม่ โดยเอาวุ้นทาบริเวณท้องแขนด้านใน ถ้าผิวไม่คันหรือแดงก็ใช้ได้ นอกจากส่วนวุ้นในใบสดแล้ว ส่วน “ยางในใบ” ก็สามารถนำมาทำเป็นยาระบายได้ และส่วน “เหง้า” ก็นำไปต้มน้ำรับประทาน แก้โรคหนองในได้ด้วย

ขมิ้นชัน
25031813

เรียกกันทั่วไปว่า“ขมิ้น” เป็นไม้ล้มลุกมีสีเหลืองอมส้ม มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีกลิ่นหอม คนนิยมนำ “เหง้า” ทั้งสดและแห้งมาใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร รวมทั้งแก้ท้องเสีย ท้องร่วง จุกเสียดแน่นท้อง และสามารถนำขมิ้นชันมาทาภายนอก เพื่อใช้รักษาแผลเรื้อรัง แผลสด โรคผิวหนัง พุพอง รักษาชันนะตุได้ด้วย

นอกจากนั้น “ขมิ้นชัน” ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ “คูเคอร์มิน” ที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตับ อีกทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง หรือใครที่มีแผลอักเสบ “ขมิ้นชัน” ก็มีสรรพคุณช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เพราะมีฤทธิ์ไปลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง และหากรับประทานขมิ้นชันทุกวัน ตามเวลาจะช่วยให้ความจำดีขึ้น ไม่อ่อนเพลียยามตื่นนอน และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วย

ทองพันชั่ง
25031817

เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าไม่ต่างไปจากชื่อ “ทองพันชั่ง” หลายพื้นที่อาจเรียกว่า “ทองคันชั่ง” หรือ “หญ้ามันไก่” เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ออกดอกสีขาว ส่วนที่ใช้ทำยาคือ ใบและราก ที่หากนำปริมาณ 1 กำมือมาต้มรับประทานเช้าเย็น จะช่วยดับพิษไข้ รักษาโรคผิวหนัง ริดสีดวงทวารหนัก แก้ไอเป็นเลือด ฆ่าพยาธิ นอกจากนั้น ยังสามารถนำใบและรากมาตำละเอียด เพื่อรักษาโรคกลาก เกลื้อน ได้ด้วย

นอกจากสรรพคุณข้างต้นแล้ว มีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมพบว่า “ทองพันชั่ง” มีฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งเยื่อบุช่องปาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูกได้ รวมทั้งช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิตสูง แก้ผมร่วง รักษาโรคนิ่ว ฯลฯ แต่ข้อควรระวังคือ ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง โรคหัวใจ โรคหืด โรคความดันโลหิตต่ำ โรคมะเร็งในเม็ดเลือด ไม่ควรรับประทาน

กะเพรา
25031821

แม้จะเป็นผักที่คนไทยนิยมสั่งมารับประทานเวลาที่นึกไม่ออก แต่ก็มีน้อยคนที่จะรู้ว่า กะเพรา มีสรรพคุณอะไรบ้าง ที่เห็นชัด ๆ เลยก็คือ ใบกะเพรา มีฤทธิ์ขับลม ช่วยแก้จุดเสียด แน่นท้อง แก้ปวดท้องอุจจาระ ส่วนน้ำสกัดทั้งต้น สามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร สำหรับเมล็ดกะเพรา ก็สามารถพอกตาให้ผงหรือฝุ่นที่เข้าตาหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นแล้ว รากกะเพราแห้ง ๆ ยังนำมาชงกับน้ำร้อนดื่มแก้โรคธาตุพิการได้ด้วย

สรรพคุณเด็ดของกะเพราอีกประการก็คือ ช่วยขับไขมันและน้ำตาล เคยสงสัยบ้างไหมล่ะ ทำไมอาหารตามสั่งต้องมีเมนูผัดกะเพราเนื้อ กะเพราไก่ กะเพราหมู นั่นก็เพราะนอกจากใบกะเพราจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้แล้ว ยังมีฤทธิ์ขับไขมัน และน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้ง กะเพราจะช่วยขับน้ำดีในตับออกมาให้ช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น หากบอกว่า รับประทานกะเพราแล้วจะช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ ก็คงไม่ผิดนัก

กระชายดำ
25031827

สมุนไพรแสนมหัศจรรย์ของท่านชาย (อิอิ) เพราะสรรพคุณของกระชายดำที่ได้รับการกล่าวขานกันมากก็คือ สรรพคุณเพิ่มพลังทางเพศ หรือแก้โรคกามตายด้าน เนื่องจากฤทธิ์ของกระชายดำจะไปบำรุงกำลัง เพิ่มฮอร์โมนให้หนุ่ม ๆ ทำให้สมรรถภาพทางเพศเพิ่มขึ้น

แต่ใช่ว่า กระชายดำ จะมีประโยชน์แค่เรื่องเพิ่มพลังทางเพศเท่านั้นนะ เพราะกระชายดำยังสรรพคุณมากมาย ทั้งบำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง เป็นยาเจริญอาหาร และบำรุงธาตุ แก้หัวใจสั่นหวิว แก้ลมวิงเวียนแน่นหน้าอก แผลในปาก ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดีขึ้น ผิวพรรณผ่องใส ขับปัสสาวะ แก้โรคกระเพาะ ฯลฯ และด้วยสรรพคุณอันแสนมหัศจรรย์มากมายขนาดนี้ กระชายดำ เลยถูกขนานนามว่าเป็น “โสมไทย” ซึ่งนิยมปลูกมากจนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเลยทีเดียว

ว่านชักมดลูก
25031836

มาที่พืชสมุนไพรสำหรับสาวๆ กันบ้าง แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้ว เหมาะกับคุณสุภาพสตรีเป็นที่สุด เพราะเหง้าของว่านชักมดลูกมีสรรพคุณช่วยขับประจำเดือนในสตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ส่วนผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตร ว่านชักมดลูกก็จะช่วยบีบมดลูกให้เข้าอู่เร็วขึ้น ขับน้ำคาวปลา และรักษาโรคมดลูกพิการปวดบวมได้

นอกจากนั้น ว่านชักมดลูก ยังแก้ริดสีดวงทวาร แก้ไส้เลื่อน แก้โรคลม รักษาอาการอาหารไม่ย่อย ขณะที่รากของว่านชักมดลูกสามารถใช้แก้ท้องอืดเฟ้อได้อีกต่างหาก

กระเจี๊ยบแดง
25031841

หลายคนนำใบและยอดของกระเจี๊ยบแดงไปใส่ในแกง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวในอาหารแล้ว ใบกระเจี๊ยบแดงยังแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด แก้ไอ ละลายเสมหะ ส่วนดอกใช้แก้โรคนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด

แต่ส่วนที่มีสรรพคุณมากเป็นพิเศษก็คือ ส่วนกลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผล สามารถช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต นำไปทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบดื่มช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดความเหนียวข้นของเลือด ขับปัสสาวะ ป้องกันต่อมลูกหมากโตให้คุณผู้ชายได้ด้วย และมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า หากรับประทานกระเจี๊ยบแดงต่อเนื่อง 1 เดือน จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ระดับไขมันในเลือด ทั้งคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว (LDL) ลดลง และยังเพิ่มไขมันชนิดดีคือ HDL ได้ด้วย